Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Financial Planning
แนวโน้มลงทุนปี 59
ปี 2558 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งปีที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุน เพราะสภาวะการลงทุนทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรปและญี่ปุ่น หรือความผันผวนของตลาดหุ้นจีน สำหรับในปี 2559 การลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงยังเป็นสิ่งที่ยาก เพราะในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคม ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลง จากความกังวลว่าเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนจะชะลอตัว แล้วในปีนี้ ภูมิภาคไหนบ้างที่น่าลงทุน ทองคำและน้ำมันที่ราคาลดลงมามากแล้ว น่าเข้าลงทุนหรือไม่ K-Expert มีคำตอบค่ะ

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น หากมองเปรียบเทียบไปในตลาดหุ้นใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น ก็ต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจมากที่สุด โดยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่า ซึ่งจะส่งผลบวกกับการส่งออกของยุโรปได้ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำของยุโรปเป็นอีกปัจจัยที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จึงทำให้หุ้นยุโรปยังคงน่าสนใจเข้าลงทุน ส่วนพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัว จนสามารถเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 แต่ระดับราคาหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว อีกทั้งการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนของบริษัทในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรลดน้อยลง จึงยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนคะ

ข้ามมาฟากเอเชียกันบ้าง สำหรับตลาดหุ้นจีนนั้น ต้องยอมรับว่า ปรับตัวลงมาแรงตั้งแต่ช่วงต้นปี เพราะนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัว ดังนั้นหากไม่อยากรับความผันผวนจากการลงทุนมากนัก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นจีนไปก่อน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่แม้ว่ารัฐบาลได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนกังวลว่า ญี่ปุ่นเองจะได้รับผลกระทบทางลบจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวได้ ในช่วงนี้จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นออกไปก่อน

ในส่วนของตลาดหุ้นไทย นับว่ามีความเสี่ยงเข้ามารุมล้อมไม่น้อยหน้าตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งจะกระทบทางลบกับหลายอุตสาหกรรม หรือการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยกลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้น ดังนั้น คนที่จะลงทุนในหุ้นไทยคงต้องอดใจรอให้ดัชนีปรับตัวลงมาเสียก่อน ซึ่งบล.กสิกรไทยมองว่า ดัชนีที่ระดับประมาณ 1,173 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับซื้อสะสมลงทุนระยะยาว ส่วนเป้าหมายดัชนีในปีนี้ มองไว้ที่ 1,400 จุด

ส่วนการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมัน แม้ว่าราคาของทั้งสองสินทรัพย์ได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนค่ะ โดยทองคำนั้น ปัจจัยลบที่ยังกดดันราคาทองคำคือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง ทำให้คนที่ลงทุนทองคำมีโอกาสโยกเงินออกจากทองคำไปลงทุนตราสารหนี้ และถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้น ดังนั้น ราคาทองคำจึงยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะช่วยให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นแรงๆ ได้ในช่วงนี้

ส่วนการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมัน แม้ว่าราคาของทั้งสองสินทรัพย์ได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนค่ะ โดยทองคำนั้น ปัจจัยลบที่ยังกดดันราคาทองคำคือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง ทำให้คนที่ลงทุนทองคำมีโอกาสโยกเงินออกจากทองคำไปลงทุนตราสารหนี้ และถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้น ดังนั้น ราคาทองคำจึงยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะช่วยให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นแรงๆ ได้ในช่วงนี้

การลงทุนในปี 2559 น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่นักลงทุนต้องรับมือกับความผันผวน แม้ว่าในช่วงต้นปีแบบนี้ ภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจจะดูแล้วไม่ค่อยสดใสนัก แต่สถานการณ์การลงทุนก็มักมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการติดตามสภาวะตลาดเป็นประจำ จะช่วยให้เราสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันกับสถานการณ์และเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้นได้ค่ะ

AUTHOR


ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษา
ลูกค้าบุคคล (K-Expert)

RELATED STORY